ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมซึ่งมีการเพาะปลูกพืชจำนวนมาก ทำให้ประสบปัญหาปริมาณขยะพลาสติกจากภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้ถุงปลูกที่ผลิตจากพลาสติกย่อยสลายได้ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการแก้ปัญหา แต่พลาสติกย่อยสลายได้มีบางประเภทที่ย่อยสลายแบบ Degradable คือ แตกสลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากรูปเดิมไปเป็นไมโคร พลาสติกที่มีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรลงไปจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่ยังคงสภาพเป็นพลาสติกอยู่ไม่สลายหายไป ซึ่งไมโครพลาสติกส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย เพราะไมโครพลาสติกนั้นแพร่กระจายอยู่ในทะเลและมหาสมุทรทั่วโลกและสามารถดูดซึมสารพิษที่มีอยู่ในทะเลไว้ ดังนั้นไมโครพลาสติกยิ่งอยู่ในน้ำทะเลนานจะยิ่งมีความเป็นพิษเพิ่มสูงขึ้น สิ่งมีชีวิตอย่างเช่นแพลงตอน สัตว์ในทะเล จึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับสารพิษเข้าไป และเมื่อมนุษย์ทานอาหารจากสัตว์น้ำเหล่านี้ก็อาจจะได้รับไมโครพลาสติกที่มีสารพิษตกค้างเข้าไปทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ รวมถึงในกระบวนการผลิตพลาสติกมีการใส่สารเคมีเพื่อทําให้พลาสติกมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่ม เช่น พาทาเลต (Phthalate) ซึ่งสารเหล่านี้สามารถตกค้างในสิ่งแวดล้อม และหากมนุษย์ได้มีการสัมผัสเป็นปริมาณมากและต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนานก็อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้เช่นเดียวกัน
“NU Bio Bag ถุงปลูกชีวภาพ” ได้รับการพัฒนาคิดค้นโดยใช้พลาสติกพีแอลเอ (พลาสติกชีวภาพ) นำมาผสมกับกากกาแฟโดยใช้เครื่องบดผสมแบบเกลียวคู่และขึ้นรูปด้วยกระบวนการเป่าฟิล์มด้วยเครื่องเป่าฟิล์ม ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ฟิล์มพลาสติกพีแอลเอผสมกากกาแฟ สามารถใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ถุงปลูกที่สามารถย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ โดยจะสลายไปเป็นน้ำและคาร์บอนไดซ์ออกไซด์ไม่สลายเป็นไมโครพลาสติก ทำให้เกษตรกรปลูกพืชพร้อมถุงปลูกลงดินได้โดยไม่ต้องฉีกถุง ลดเวลา เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่เกษตรกร ลดปัญหาขยะพลาสติก และด้วยคุณสมบัติของกากกาแฟที่ผสมอยู่ทำให้ถุงปลูก
ผู้เหมาะนำเทคโนโลยีไปลงทุน